วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2556

การสืบทอดทางวัฒนธรรม (cultural inheritance) ที่ประสบความสำเร็จ


การสืบทอดทางวัฒนธรรม  (cultural inheritance) ที่ประสบความสำเร็จ
ประเด็นหลักที่ผมต้องการพูดถึงในบทความนี้ คือ กระบวนการสืบทอดทางวัฒนธรรมที่ประสบความสำเร็จ จะต้องมีความเป็นไปได้ในการสืบทอดและมีความสอดคล้องกับยุคสมัย จึงจะทำให้การสืบทอดทางวัฒนธรรมประสบความสำเร็จ

มุมมองต่อการสืบทอดทางวัฒนธรรม..ในทัศนะของผู้เขียนเห็นว่า การสืบทอดทางวัฒนธรรม ไม่ใช่เพียงแค่เป็น การถ่ายทอดวัฒนธรรมจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่คนอีกรุ่นหนึ่งเท่านั้น แต่มันเป็นกระบวนของการเรียนรู้ (learning) กระบวนการพัฒนาโดยการเปลี่ยนแปลง (change) การปรับแต่ง (adaptation) การตีความหมายใหม่ (re-interpretation) การสร้างสรรค์ใหม่ (re-creation) การถ่ายทอด (transmit) การสืบทอด (inherit) ทางวัฒนธรรม เหตุเพราะวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่เกิดมาจากการเรียนรู้ของมนุษย์ และความพยายามของมนุษย์ที่จะต่อสู้ดิ้นรนเพื่อรักษาอัตลักษณ์ของตนเองไว้ให้อยู่รอด เมื่อต้องการอยู่รอดจึงต้องมีการปรับตัวให้สอดคล้องเข้ากันได้กับยุคสมัย วัฒนธรรมจึงมีความเป็นพลวัตร (dynamic) ยืดหยุ่นได้ มีความคงที่เพียงบางส่วน มีการเปลี่ยนแปลงได้ในบางส่วน

 มิติของการสืบทอดวัฒนธรรม..แบ่งการพิจารณาได้เป็นสามมิติ คือ มิติบุคคล (human) เป็นการสืบทอดวัฒนธรรมจากบุคคลกลุ่มหนึ่งไปยังบุคคลอีกกลุ่มหนึ่ง มิติพื้นที่ (space) เป็นการสืบทอดวัฒนธรรมจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่ง และมิติเวลา (time) เป็นการสืบทอดวัฒนธรรมจากห้วงเวลาหนึ่งไปยังอีกห้วงเวลาหนึ่ง โดยมีลักษณะเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง

มุมมองของผู้สืบทอดทางวัฒนธรรม..หากมองในแง่มุมของการถ่ายทอด (transmit) ทางวัฒนธรรม จะเน้นการมองจากมุมมองของผู้ถ่ายทอดหรือผู้ส่งสาร หมายถึง การส่งผ่านรูปแบบและเนื้อหาของวัฒนธรรม (form and content of culture) จากผู้ถ่ายทอดหรือผู้ส่งสารไปยังผู้รับการถ่ายทอดหรือผู้รับสาร ในลักษณะที่ว่า ได้รับอะไรมาก็ส่งผ่านไปอย่างนั้น มีอย่างไรก็ส่งไปอย่างนั้น แต่หากมองในแง่มุมของการสืบทอด (inherit) ทางวัฒนธรรม จะเน้นการมองจากมุมมองของผู้รับการถ่ายทอดหรือผู้รับสารเป็นหลัก โดยผู้รับสารจะพยายามรักษาวัฒนธรรมนั้นไว้มิให้มีการเปลี่ยนแปลง หรือต่อสู้ดิ้นรนให้มีการเปลี่ยนแปลงน้อยทีี่สุด ในลักษณะที่ว่าได้รับมาอย่างไรก็พยายามนำไปปฏิบัติอย่างนั้นให้มากที่สุด และได้รับมาอย่างไรก็พยามนำไปถ่ายทอดให้เหมือนต้นแบบมากที่สุด

ความหมายโดยสรุปของการสืบทอดทางวัฒนธรรม (cultural inheritance) เป็นกระบวนการเรียนรู้และการพัฒนา (learning and development) ของมนุษย์เพื่อที่จะรักษาอัตลักษณ์ของแบบแผนของความคิด ความเชื่อ วิถีทาง และแนวปฏิบัติของตนเองไว้ โดยอาศัยกระบวนการในการสืบทอดทางวัฒนธรรมซึ่งเป็นกระบวนการที่มีลักษณะเป็นการไหลเวียนอย่างต่อเนื่องกันไปอย่างไม่รู้จบ การสืบทอดทางวัฒนธรรมในที่นี้หมายถึงการสืบทอดในสิ่งที่ประกอบด้วยแนวคิด (concept) รูปแบบ (form) และเนื้อหา (content) และวิธีการ (method) ที่ใช้ในการสืบทอดวัฒนธรรม การสืบทอดทางวัฒนธรรมพิจารณาได้เป็น 3 มิติ คือ มิติบุคคล (human) เป็นการสืบทอดทางวัฒนธรรมจากบุคคลกลุ่มหนึ่งไปยังบุคคลอีกกลุ่มหนึ่ง มิติพื้นที่ (space) เป็นการสืบทอดทางวัฒนธรรมจากสถานที่หนึ่งไปยังสถานอีกที่หนึ่ง มิติเวลา (time) เป็นการสืบทอดทางวัฒนธรรมจากห้วงเวลาหนึ่งไปยังอีกห้วงเวลาหนึ่ง

เมื่อเรานิยามวัฒนธรรมว่าเป็นสิ่งที่ไม่คงที่ไม่ตายตัว แต่สามารถเปลี่ยนแปลง ปรับแต่งวัฒนธรรมให้เข้ากับยุคสมัยได้ การสืบทอดทางวัฒนธรรมจึงเป็นมากกว่า การรับไว้ (recieve) การรักษา (maintain) และการส่งผ่าน (transmit) วัฒนธรรม แต่เป็นการเรียนรู้ที่จะรับ (recieve)  เรียนรู้ที่จะเลือก (select) เรียนรู้ที่จะใช้ (using) เรียนรู้ทีี่จะพัฒนา (develop) วัฒนธรรมให้เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการและวิถีชีวิตของมนุษย์ภายใต้บริบททางสังคมของพื้นที่และเวลาแห่งยุคสมัยนั้น

ดนตรีไทย..เป็นวัฒนธรรมแขนงหนึ่งที่เป็นตัวอย่างที่ดีของการสืบทอดวัฒนธรรม..การสืบทอดวัฒนธรรมดนตรีไทยในความหมายตามขนบเดิม คือ การการถ่ายทอดแนวคิด เป็นการเรียนรู้เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเพลงนั้น อันประกอบด้วย ถ่ายทอดแนวคิด เนื้อหา รูปแบบ และวิธีการของดนตรีไทย..แนวคิด หมายความถึง ความคิดและเจตนารมย์ของผู้ประพันธ์บทเพลงของเพลงนั้นว่าผู้ประพันธ์มีความคิดอย่างไรจึงได้แต่งเพลงนั้นออกมา และแต่งเพลงนั้นมาเพื่อจุดมุ่งหมายใด สิ่งใดที่เป็นแรงบันดาลใจให้แต่งเพลง บริบททางสังคมช่วงนั้นเป็นอย่างไร..เนื้อหาของบทเพลงพูดถึงเรื่องอะไร ประเด็นอะไร..รูปแบบของบทเพลงเป็บแบบใด ใช้ทำนองดนตรีอย่างไร..วิธีการขับร้องและบรรเลงดนตรีควรใช้วิธีการแบบใด ใช้เครื่องดนตรีอะไร จำนวนกี่ชิ้น ผสมผสานกันอย่างไร บทเพลงนี้ควรใช้บรรเลงในวาระโอกาสใด หลังจากที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับบทเพลงนั้นแล้ว ผู้ถ่ายทอดบทเพลง เช่น ครูสอนดนตรีไทย โรงเรียน มหาวิทยาลัย ชุมชน จะนำบทเพลงนั้นไปใช้ในการถ่ายทอดด้วยรูปแบบและวิธีการ 4 วิธี ได้แก่ วิธีแรกคือ การสอนและการอบรม (teaching and training) เช่น การสอนตามหลักสูตร การสอนแก่ผู้สนใจ วิธีที่สองคือ การแสดง (performing) เช่น การบรรเลงดนตรีไทยในงานแต่งงาน งานบวช งานเทศกาลสงกรานต์ วิธีที่สามคือ การเผยแพร่ความรู้ (diffusion) เช่น การจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับดนตรีไทย การจัดทำพิพิธภัณฑ์ การจัดทำเว็บไซต์ให้ความรู้เรื่องดนตรี วิธีที่สี่คือ การสร้างความรู้ (construction)การศึกษาวิจัย การอภิปรายถกเถียงทางสิชาการดนตร วิธีที่ห้าคือ การรักษาและเผยแพร่อุปกรณ์การเล่นดนตรี (instrument) เช่น การเปิดร้านจำหน่ายเครื่องดนตรี การจัดตั้งศูนย์ซื้อขายแลกเปลี่ยนอุปกรณ์ดนตรี..

สำหรับรูปแแบบวิธีการถ่ายทอดดนตรีไทยด้วยการสอนและการอบรม จะมีลักษณะเป็นการสื่อสารแบบเส้นตรง (linear communication model) หมายถึง การส่งเนื้อหาสารจากผู้ส่งสารไปยังผู้รับสารผ่านวิธีการสื่อสารด้วยบอก การแนะนำ การให้ลงมือปฏิบัติ ลักษณะสำคัญของการถ่ายทอดด้วยวิธีการนี้คือ การคงรักษาต้นแบบสาร (original message) ไว้ให้มากที่สุดทั้งเนื้อเพลงและดนตรี รูปแบบเพลงและดนตรี และวิธีการบรรเลงเพลงและดนตรี โดยพยายามให้เกิดการคงรูปแบบและเนื้อหาของสาร (message) ตามต้นฉบับเอาไว้ ผู้สอนในฐานะผู้ส่งสารจะสอนตามต้นฉบับ ผู้เรียนในฐานะผู้รับสารก็จะได้รับการถ่ายทอดสารตามต้นฉบับ และจะได้รับการปลูกฝังจากผู้สอนว่า หากจะนำวิชาดนตรีไทยไปใช้และนำไปถ่ายทอดก็ควรจะต้องรักษาความเป็นต้นฉบับไว้ให้มากที่สุดด้วยเช่นกัน การถ่ายทอดดนตรีไทยในความหมายนี้จึงเป็นการสื่อสารเพื่อที่จะคงไว้หริอรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมดนตรีไทยเอาไว้ให้ได้มากที่สุด กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ การทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุดนั่นเอง

วิธีการสืบทอดดนตรีไทยตามแนวคิดการรักษาต้นฉบับดังกล่าวนี้ เป็นวิธีการสืบทอดที่เข้มแข็งสามารถรักษาวัฒนธรรมดนตรีไทยไว้ได้อย่างต่อเนื่องยาวนานนับร้อยปีจนเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของชาติไทย แต่เนื่องจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในความคิด วิถีชีวิต ความต้องการของคนในสังคม สภาพเศรษฐกิจแบบใหม่ที่ทำมให้ผู้คนมีชีวิตที่แข่งขัน รีบเร่ง รวดเร็ว สะดวกสบายเป็นเศรษฐกิจแบบบริโภคนิยม สังคมอาศัยปัจจัยการบริโภคเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การบริโภคนอกจ่กการบริโภปัจจัยสี่ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตแล้ว ยังขยายความไปถึงการบริโภคเพื่อสร้างความแตกต่าง สร้างความโดดเด่น สร้างภาพลักษณ์ สร้างการโอ้อวด การบริโภคเพื่อแก้ปัญหาความตึงเครียด ความเหงา ความอ้างว้่างโดดเดี่ยว การลดความทุกข์ใจจากปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสังคม และปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น ปัญหาการหารายได้ไม่พอรายจ่าย ปัญหาความแตกแยกความขัดแย้งในสังคม ปัญหาการจราจร ปัญหาสภาะโลกร้อน ปัญหาสารพิษ ปัญหาสุจภาพ ที่คนในสังคมต้องเผชิญอยู่ทุกวัน สิ่งเหล่านี้มีอิทธิพลและมีผลกระทบต่อความคิด ทัศนคติ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ และการปฏิบัติตนของคนในสังคม..ดนตรีไทยเป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงในสังคม เปลี่ยนแปลงทั้งแนวคอด เนื้อหา รูปแบบและวิธีการ คนในสังคมบริโภคดนตรีไทยในฐานะผู้เล่นดนตรีไทย ในฐานะผู้ฟังดนตรีไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง สภาพเศรษฐกิจและสังคม และการแพร่ขยายของวัฒนธรรมดนตรีฝรั่ง ดนตรีญี่ปุ่น ดนตรีเกาหลี ที่คนในสังคมไทยรับเข้ามาในวิถีชีวิตทำให้เปลี่ยนแปลงรูปแบบความต้องการในการบริโภคดนตรี ทั้งเนื้อหา จังหวะ ทำนอง ที่เร็วกระชับ เน้นความสนถกสนานเป็นหลัก ประกอบกับมีการแสดงออกทางคำพูด ท่าเต้น การจัดแสง สี เสียง ที่เร้าความสนใจ การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การตลาด เป็นสิ่งที่ครอบครองความรู้สึกนึกคิดของคนในสังคมไปหลายส่วน

สภาพเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม มีผลทำให้ประชาขนเปลี่ยนแปลงความคิด ทัศนคติ ค่านิยม วิถีการดำเนินชีวิต ประชาชนในฐานะผู้บริโภควัฒนธรรมดนตรี

ภายใต้แนวคิดการสืบทอดทางวัฒนธรรมข้างต้น ทีี่มองการสืบทอดเป็นการเรียนรู้และการพัฒนา การสืบทอดวัฒนธรรมดนตรีไทยจึงควรมีการเรียนรู้ที่จะประยุกต์ดนตรีไทยให้เข้ากับยุคสมัย คำว่าให้เข้ากบยุคสมัยหมายถึง การพิจารณาถึงสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อม ค่านิยมของบุคคล ความต้องการของบุคคล ความตัองการของชุมชน ความต้องการของสังคม ในพื้นที่นั้น ในชุมชนนั้น ในห้วงเวลานั้น

กระบวนการสืบทอดทางวัฒนธรรม..การสืบทอดทางวัฒนธรรมทำได้โดยอาศัยการทำงานในลักษณะกระบวนการ ประกอบด้วยกระบวนการผลิต (production) ทางวัฒนธรรม กระบวนการเผยแพร่ (distribution) ทางวัฒนธรรม กระบวนการบริโภค (consumption) ทางวัฒนธรรม และกระบวนการผลิตซ้ำเพืี่อเผยแพร่ขยายผลสืบต่อ (reproduction) ทางวัฒนธรรม
 
รองศาสตราจารย์ณัฐฐ์วัฒน์ สุทธิโยธิน
15 เมษายน 2556
เวลา 3.33 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น